วันงดสูบบุหรี่โลก ปี้นี้สคร.12 สงขลา ร่วมณรงค์การให้โทษของบุหรี่

วันงดสูบบุหรี่โลก กำหนดขึ้นเพื่อให้คนตระหนักถึงอันตราย เมื่อสูบบุหรี่เข้าไปในร่างกายแล้ว บุหรี่ก็เข้าไปทำลายร่างกายแทบจะทุกส่วน เริ่มตั้งแต่หลอดเลือดสมอง ปอด ทางเดินอาหาร หัวใจ กระดูกและกล้ามเนื้อ จนทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดนิปัสสาวะ รวมถึงเกืดการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ มีความเสี่ยงแท้งของหญิงตั้งครรภ์ และมีโอกาสตาบอดถาวร เมื่อรู้ถึงโทษของบุหรี่อาจจะทำให้เกิดแรงจูงใจให้มีการเลิกบุหรี่ได้ ซึ่งการเลิกบุหรี่ให้สำเร็จสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เพียงแค่ยึดหลักการ ตั้งใจ มีเป้าหมาย ไม่รอช้า ไม่หวั่นไหว ไม่ยอมแพ้

วันงดสูบบุหรี่โลก สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา ร่วมรณรงค์

องค์การอนามัยโลกได้กำหนดประเด็นของการรณรงค์ไว้ว่า “Grow food, not tobacco” เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัญหาในปัจจุบันที่ประเทศไทยเกิดการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ดังนั้น มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และภาคีเครือข่ายควบคุมการบริโภคยาสูบ จึงกำหนดคำขวัญรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลก ประจำปี 2566 คือ “บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติด อันตราย”

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 ที่สำรวจพบคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่ไฟฟ้าเกือบ 80,000 คน และในจำนวนนี้มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุ 15-24 ปี จะเห็นได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะกลายเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น ประเทศไทยจำเป็นต้องคงมาตรการห้ามนำเข้าและขายบุหรี่ไฟฟ้าที่เข้มแข็งต่อไป เนื่องจากเหตุผลสำคัญ 9 เหตุผล ดังนี้ 1.เป้าหมายของผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้า คือ เด็กและเยาวชน 2.บุหรี่ไฟฟ้าเป็นต้นทางของการสูบบุหรี่ธรรมดาของเด็กและเยาวชน 3.บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตราย ทำลายสุขภาพ  4.นิโคติน ทำให้เสพติด อันตรายเกินคาด 5.บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ช่วยให้เลิกบุหรี่ได้จริง 6.บุหรี่ไฟฟ้าส่งผลเสียต่อสังคมมากกว่าผลดี 7.บุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้ไทยถอยหลังในการควบคุมยาสูบ 8.การห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า คือ มาตรการสำคัญในการปกป้องเด็กจากการตกเป็นเหยื่อ 9.ควรยึดนโยบาย “ปลอดภัยไว้ก่อน” เพราะชีวิตคนไทยมีค่าเกินกว่าจะเอาไปเสี่ยง

นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา กล่าวถึงอันตรายต่อสุขภาพของบุหรี่ไฟฟ้า ว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์เสพยาสูบ หรือเสพนิโคตินที่ใช้การทำให้สารน้ำเกิดความร้อน และระเหย เป็นไอน้ำมาให้สูด/สูบ โดยที่ไม่เกิดควันจากการเผาไหม้ ผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าในตลาดมากกว่าร้อยละ 95 มีสารนิโคตินเป็นส่วนผสมอยู่ในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าทำให้ติดสารนิโคตินได้ และในส่วนละอองควัน ที่สูดเข้าปอดนอกจากมีสารนิโคตินแล้ว ยังพบสารเคมีจำนวนมากที่ใช้ในกระบวนการผลิตและปรุงแต่งกลิ่นรส เช่น แอลดีไฮด์ โพลีไซคลิค อะชิโตนและโครเมียม ซึ่งสารเคมีเหล่านั้นล้วนแต่เป็นอันตรายต่อร่างกาย รวมทั้งเป็นสารก่อให้เกิดมะเร็ง

สารนิโคติน ที่มีอยู่ในบุหรี่ไฟฟ้ามีผลต่อสุขภาพ ดังนี้ 1.ระบบประสาทส่วนกลาง : ทำให้เกิดอาการ เวียนหัววิงเวียนรบกวนการนอนหลับผิดปกติ ปวดหัว และมีความเสี่ยงต่อการไหลเวียนของเลือด 2.ระบบ ทางเดินอาหาร : อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร โรคท้องร่วง คลื่นไส้ ปากแห้ง กรดไหลย้อนอาหาร  ไม่ย่อย และโรคมะเร็ง 3.ระบบกล้ามเนื้อ : การเสื่อมของกระดูกสันหลัง ปวดข้อ และการสั่นของร่างกาย 4.ระบบหัวใจและหลอดเลือด : เกิดภาวะหลอดเลือดแข็ง และเพิ่มการเกาะเป็นก้อนในกระแสเลือด อัตราการ เต้นของหัวใจผันผวน ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น โรคหลอดเลือดหัวใจ หัวใจเต้นเร็ว และหัวใจเต้นผิดจังหวะ  5.ระบบหายใจ : หายใจถี่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หลอดลมหดเกร็ง และโรคมะเร็ง

เนื่องในวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก สคร.12 สงขลา ร่วมรณรงค์ “บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติด อันตราย” ขอเน้นย้ำไปยังประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนว่า บุหรี่ไฟฟ้าทำลายสุขภาพ อย่าหลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อโฆษณาชวนเชื่อ เพราะการสูบบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดการเสพติดสารนิโคตินเช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ทั่วไป ประชาชนสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค 0 2590 3850 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

วันงดสูบบุหรี่โลก

วันงดสูบบุหรี่โลก กำหนดเป็น 31 พฤษภาคม ของทุกปี

ตั้งแต่ปี 2531 เป็นต้นมา องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้ วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ทุกๆ ประเทศตระหนักถึงอันตราย และความสูญเสียทั้งทางสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ในปี 2548 องค์การอนามัยโลกได้กำหนดประเด็นการรณรงค์ คือทีมสุขภาพร่วมใจ ขจัดภัยบุหรี่ ( Health Professionals And Tobacco Control) โดยการสนับสนุนให้บุคลากรสาธารณสุขอันได้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ รวมถึงแพทย์เฉพาะทางต่างๆ พยาบาล เภสัชกร และนักวิชาการสาธารณสุข แสดงบทบาทในการเป็นผู้นำในการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่

บุหรี่ มีสารอันตราย มีโทษต่อคนรอบข้าง และทำให้เกิดโรคร้าย

  • อัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจสูงขึ้นเป็น 2 เท่า
  • อัตราเสี่ยงของการเกิดโรคถุงลมโป่งพองสูงขึ้นเป็น 6 เท่า
  • อัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งปอดสูงขึ้นเป็น 10 เท่า

สารอันตรายในบุหรี่

ควันบุหรี่จะประกอบไปด้วยสารเคมีที่มีอันตรายต่อสุขภาพกายของคนเราประมาณ 4,000 ชนิด ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 3 กลุ่ม คือ

  • กลุ่มแรก ได้แก่ ทาร์ หรือ น้ำมันดิน หรือที่เห็นเป็นคราบบุหรี่ เป็นที่รวมของสารเคมีในกลุ่มของไฮโดรคาร์บอน ซึ่งจะรวมตัวเป็นสารที่มีความเหนียวติดอยู่กับเนื้อปอด และมีคุณสมบัติเป็นสารก่อมะเร็งโดยตัวของมันเอง นอกจากนี้ยังเป็นสารที่เร่งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง หากผู้สูบบุหรี่นั้นมีโรคมะเร็งอยู่ในร่างกายแล้ว
  • กลุ่มที่สอง ได้แก่ นิโคติน ซึ่งจัดเป็นสารที่มีการกระตุ้นสมอง และประสาทส่วนกลางได้ในระยะแรก แต่ระยะต่อมาจะมีฤทธิ์กดระบบประสาท นอกจากนี้ยังทำให้เส้นเลือดหดตัว มีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น กระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วขึ้นด้วย นิโคตินมีส่วนทำให้คนที่สูบบุหรี่อยากสูบอยู่เรื่อยๆ
  • กลุ่มที่สาม ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซค์ ซึ่งมีความเข้มข้นสูงในควันบุหรี่จะไปขัดขวางการรับออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง และยังทำให้ไขมันพอกพูนตามผนังเส้นเลือดมากขึ้น ทำให้เส้นเลือดตีบ สายตาเสื่อม ลดประสิทธิภาพในการตัดสินใจ และลดการตอบสนองต่อเสียง ซึ่งเป็นอันตรายต่อคนขับรถ นักบิน และมีผลทำให้สมรรถภาพของนักกีฬาลดน้อยลง

การสูบบุหรี่มีอันตรายต่อคนรอบข้าง

  • เด็ก

ทำให้เด็กในครอบครัวป่วยด้วยโรคหลอดลมอักเสบ ปอดบวม หอบหืด หูชั้นนอกอักเสบเพิ่มมากขึ้น

  • หญิงมีครรภ์

น้ำหนักตัวขณะตั้งครรภ์เพิ่มน้อยกว่าปกติและมีโอกาสแท้ง คลอดก่อนกำหนด ตกเลือดระหว่างคลอด และหลังคลอดมากเป็น 2 เท่าของหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่สูบบุหรี่ นอกจากนั้นยังทำให้เกิดภาวะรกเกาะต่ำ และรกลอกตัว ก่อนกำหนดมากขึ้น ลูกที่คลอดจากแม่ที่สูบบุหรี่ อาจจะมีน้ำหนักและความยาวน้อยกว่าปกติ พัฒนาการทางด้าน สมองช้ากว่าปกติ อาจมีความผิดปกติทางระบบประสาท, ระบบความจำ

  • คู่สมรสของผู้สูบบุหรี่

มีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคู่สมรสที่ไม่สูบบุหรี่ 2 เท่า มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ 3 เท่า และเสียชีวิตเร็วกว่าปกติถึง 4 ปีคนทั่วไป ควันบุหรี่จะทำให้เกิดอาการเคืองตา ปวดศีรษะ คัดจมูก น้ำมูกไหล โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดลมอักเสบ ก็จะทำให้มีอาการของโรคเพิ่มมากขึ้น

โรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่

มะเร็งปอด (lung cancer) เป็นโรคที่พบมากและเป็นสาเหตุการตายในอันดับต้นๆ ทั้งเพศชาย และหญิงในประเทศไทย และอุบัติการณ์ของโรคนี้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในเพศหญิง ผู้ป่วยมะเร็งปอดร้อยละ 90 เกิดจากการสูบบุหรี่ ซึ่งสามารถป้องกันได้ ธรรมชาติทางชีววิทยาของโรคมะเร็งปอด ทำให้พบผู้ป่วยเมื่อเริ่มมีอาการ ในขณะที่โรคอยู่ในระยะลุกลาม และแพร่กระจาย เป็นผลให้ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 90 เสียชีวิตจากโรคมะเร็งภายในเวลา 1-2 ปี

โรคมะเร็งปอดพบมากในผู้สูงอายุวัย 50-75 ปี ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สูบบุหรี่ปริมาณมาก และประมาณร้อยละ 5 เป็นผู้ที่ต้องสูดดมควันบุหรี่จากผู้อื่น ผู้ที่สูดดมควันบุหรี่จากผู้อื่นจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดเพิ่ม ขึ้นร้อยละ 26 จำนวนมวนของบุหรี่ที่สูบต่อวัน และชนิดของบุหรี่ที่สูบจะสัมพันธ์กับอัตราเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด ผู้ที่สูบบุหรี่ร้อยละ 15 จะเกิดโรคมะเร็งปอดภายในเวลา 30 ปี ถ้าเลิกสูบบุหรี่สามารถลดอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดลงเหลือเท่าผู้ ไม่สูบบุหรี่ได้ภายในเวลา 15 อันตรายมากมายที่เกิดจากบุหรี่จึงทำให้มีการกำหนดวันงดสูบบุหรี่โลกขึ้นมา

แนวทางการเลิกบุหรี่ในปัจจุบัน

  • กำลังใจอย่างเดียว ในการเลิกบุหรี่ด้วยตัวเองโดยอาศัยกำลังใจอย่างเดียว พบว่าส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จน้อยและมักกลับมาสูบอีก
  • วิธีการอื่นๆ เช่น การใช้พฤติกรรมบำบัด การทำกิจกรรมกลุ่ม การใช้น้ำยาบ้วนปาก (ซึ่งทำให้รสชาติของบุหรี่เปลี่ยนไป) การสะกดจิตและการฝังเข็ม หลักฐานที่จะนำมาสนับสนุนผลความสำเร็จของวิธีการต่างๆ เหล่านี้ยังขาดอยู่มาก
  • การใช้ยาในการรักษาการติดนิโคติน การใช้ยาสามารถช่วยลดความทรมานจากการติดทางร่างกายได้ ทำให้เราสามารถทุ่มเทกำลังใจในการต่อสู้กับการติดทางจิตใจได้เต็มที่ ในปัจจุบันมีการใช้ยาช่วยเลิกบุหรี่

การให้นิโคตินทดแทน

มีอยู่ในรูปของแผ่นแปะนิโคติน และหมากฝรั่งนิโคติน หลักการคือการให้สารนิโคติน ในระดับต่ำๆ เพื่อระงับอาการขาดนิโคติน อาการดังกล่าว ได้แก่ อาการหงุดหงิดง่าย กระวนกระวาย เสียสมิ และเหนื่อยง่าย หลังจากนั้นจะค่อยๆ ลดขนาดยาลงเรื่อยๆ จนหมด ทั้งแผ่นแปะนิโคติน และหมากฝรั่ง นิโคตินใช้ได้ผลใกล้เคียงกัน ข้อจำกัดของการใช้นิโคตินทั้ง 2 รูปแบบนี้คือ เมื่อเริ่มใช้ยาผู้สุบบุหรี่ต้องหยุดสูบบุหรี่ทันที การใช้ยาไปด้วยแล้วค่อยๆ สูบน้อยลง จะทำให้เลิกบุหรี่ไม่สำเร็จ นอกจากนั้นปริมาณนิโคตินโดยรวมที่ร่างกายได้รับเข้าไปอาจมากเกินไปทำให้เกิดอันตรายได้ ดังนั้นการใช้ยาทั้ง 2 ชนิดนี้จึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

ยาเม็ดรับประทาน

ในปัจจุบันมีแนวทางอื่นในการเลิกบุหรี่ในรูปยาเม็ดรับประทานที่สามารถลดอาการขาดนิโคตินโดยที่ผู้สูบบุหรี่ไม่จำเป็นต้องหยุดสูบบุหรี่ในทันทีที่ทานยาเนื่องจากยาตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของสารนิโคติน จึงทำให้ไม่ต้องเสี่ยงกับการได้รับนิโคตินมากไป การใช้ยานี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เช่นเดียวกัน

สรุปแล้ว การสูบบุหรี่มีแต่ให้โทษทั้งต่อตัวเองและคนรอบข้างจนกลายเป็นปัญหาสังคม ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายจนกลายเป็นโรคร้ายแรงและถึงขั้นเสียชีวิตได้ ปัจจุบันยังมีบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้สารนิโคตินและสารอื่นๆ เป็นส่วนประกอบ ถึงเสพแล้วจะเสี่ยงน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไป แต่ถ้าได้รับสารเป็นจำนวนมากก็อันตรายต่อร่างกายด้วยเช่นกัน

ที่มา

https://www.ryt9.com/

https://www.bangkokpattayahospital.com/ 

https://mgronline.com/qol/

https://theworldmedicalcenter.com/

ติดตามอ่านข่าวทั่วไปได้ที่  shop-wiz.com  สนุบสนุนโดย  ufabet369.net